วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ดอกไม้และผลไม้มงคลในงานสมรส


ดอกไม้ และผลไม้มงคลในงานสมรส

ดอกไม้ และผลไม้มงคลในงานสมรส (BRIDE) 
Thai Tradition STORY : Tan
          ฤกษ์ยาม หรือของที่เป็นสิริมงคลอยู่คู่กับพิธีหรือประเพณีต่าง ๆ ของไทยมาอย่างช้านาน ซึ่งความเชื่อส่วนใหญ่ที่เกี่ยวกับความเป็นมงคลก็มาจากชื่อของวัตถุชิ้นนั้นๆ เช่น ดอกรักสื่อถึงความรัก จึงมักจะใช้ในพิธีมงคลสมรส ดอกเข็ม สื่อถึงปัญญาอันแหลมคม จึงมักใช้กันในพิธีไหว้ครู หรือจะเป็นความเชื่ออื่นๆ เช่น นิยมปลูกขนุนไว้ในบ้านเพื่อให้ได้รับการเกื้อหนุนจุนเจือ เป็นต้น นอกจากนี้ความมีสิริมงคลยังรวมไปถึงลักษณะของวัตถุชิ้นนั้นๆ ด้วย เช่น อาหารที่เป็นเส้นที่นิยมทานกับในวันเกิด เพราะเส้นที่ต่อกันยาวหมายถึงอายุที่ยืนยาว หรือผลไม้รสหวานอย่างลำไยอันสื่อถึงความรักที่หวานชื่น จึงนิยมใช้กันในพิธีมงคลสมรส เป็นต้น
          ด้วยความเชื่อต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้พิธีกรรมต่าง ๆ ของไทย โดยเฉพาะพิธีอันเป็นมงคล มีการนำสิ่งของที่มีความหมายดี ๆ หรือสิ่งของที่มีชื่ออันเป็นสิริมงคลมาใช้อย่างแพร่หลาย ซึ่งพิธีมงคลสมรสเป็นพิธีหนึ่งที่มีการใช้ของมงคลต่าง ๆ มากมายภายในงาน โดยเฉพาะความน่าสนใจของดอกไม้และผลไม้ต่าง ๆ ที่แฝงความหมายไว้อย่างน่าสนใจทีเดียว
          ดอกไม้มงคล
          ดอกไม้นอกจากนิยมนำมาใช้ประดับในงานแต่ง เพื่อให้เกิดความสวยงามแล้ว ยังสื่อถึงความหมายดี ๆ อันเป็นมงคลด้วย ดอกไม้มงคลที่นิยมใช้ในงานมงคลสมรสมีมากมายหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดต่าง ก็ให้ความหมายอันเป็นมงคลมากมาย เช่น

ดอกไม้ และผลไม้มงคลในงานสมรส
           1. ดอกรัก หมายถึง ความรักของคู่บ่าว-สาว เป็นดอกไม้ที่นิยมนำมาใช้ในพิธีมงคลสมรสแทบทุกครั้ง เพราะเป็นดอกไม้ที่สื่อความหมายได้อย่างตรงตัวที่สุด
           2. ดอกบานไม่รู้โรย เป็นดอกไม้ที่สื่อถึงความรักของคู่บ่าว-สาวเช่นเดียวกัน สื่อความหมายถึงความรักของคู่บ่าว-สาวที่จะรักกันไม่รู้โรยและรักกันมั่นคงตลอดไปนั่นเอง
           3. ดอกมะลิ ถือเป็นดอกไม้ชั้นสูงที่นิยมใช้กันมากสื่อความหมายถึงความบริสุทธิ์ เป็นสิริมงคลทางด้านทำให้คนในบ้านมีความบริสุทธิ์ มีความรักและความคิดถึงแก่บุคคลทั่วไป
           4. ดอกกุหลาบ เป็นดอกไม้อีกชนิดหนึ่งที่ทั่วโลกใช้เป็นสัญลักษณ์แทนความรัก ปัจจุบันงานพิธีมงคลสมรสของไทยจึงมีการนำดอกกุหลาบ (โดยเฉพาะสีแดง) มาใช้อย่างแพร่หลาย
           5. ดอกดาวเรือง มีความหมายว่าการเจริญรุ่งเรือง สื่อความหมายว่าให้ครอบครัวใหม่ที่เกิดขึ้นนี้ มีความเจริญรุ่งเรือง
           6. ดอกพุด มีความหมายเช่นเดียวกับดอกดาวเรือง คือความเจริญรุ่งเรือง และเสริมความหมายถึงความมั่นคงแข็งแรง สื่อความหมายว่านอกจากครอบครัวใหม่ที่เกิดขึ้นจะเจริญรุ่งเรืองแล้วยังมั่นคง และแข็งแรง ไม่หวาดหวั่นแม้ปัญหาใด ๆ
          นอกจากนี้ ยังมีใบไม้ต่าง ๆ ที่นำมาใช้ในพิธีมงคลสมรสเพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่คู่บ่าว-สาวด้วย อาทิ ใบรัก ที่สื่อความหมายถึงความรักเช่นเดียวกับ ดอกรัก ใบเงิน ใบทอง ใบแก้ว สื่อความหมายถึงความร่ำรวยและความเจริญรุ่งเรือง ใบมะยม ที่สื่อความหมายว่าให้ครอบครัวใหม่ที่เกิดขึ้นเป็นที่นิยมชมชอบของคนรอบข้าง เป็นต้น
          นอกจากดอกไม้มงคลที่นอกจากจะส่งกลิ่นหอมสวยงาม และยังให้ความหมายดี ๆ แล้ว ผลไม้ก็เป็นของมงคลอีกประเภทหนึ่งที่นิยมนำมาใช้ประดับเพื่อความเป็นมงคลในงาน อีกทั้งยังรับประทานได้ด้วย ซึ่งโดยหลัก ๆ แล้วผลไม้มงคลที่นิยมใช้กันมีอยู่ 5 ชนิด คือ

ดอกไม้ และผลไม้มงคลในงานสมรส
          1. ลำไย (Longan) ผลไม้มงคลที่คนจีนบางกลุ่มนำไปใช้ร่วมกับพิธีการสู่ขอหญิงสาว เพราะเชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของความหวานชื่น สำหรับหนุ่มสาวในงานพิธีมงคลนั้นๆ ในภาษาจีน"ลำไย" แปลว่า ดวงตา มังกร ซึ่งมังกรเป็นสัญลักษณ์ของฮ่องเต้ ดังนั้น จึงหมายถึงความเป็นผู้มีอำนาจ เป็นผู้นำปวงชน และเป็นผู้ที่ได้รับความเคารพนับถือ ฉะนั้นลำไยคือผลไม้มงคลที่เชื่อว่าเป็นตัวแทนแห่งความรัก ความเป็นผู้นำ และอำนาจวาสนา
          2. ลิ้นจี่ (Lychee) เป็นผลไม้ชั้นสูงของคนจีนมาเป็นเวลานาน เล่ากันว่า สมัยหนึ่งฮ่องเต้ต้องให้ทหาร ผู้ที่ดูแลพระองค์จัดหาลิ้นจี่ที่สวยงาม ผิวสวยสีแดงสด เพื่อนำไปถวายพระมารดา และพระมเหสีของพระองค์เป็นประจำ ลิ้นจี่จึงเกิดการแพร่หลายในขุนนางชั้นสูงต่อกันไปเรื่อย ๆ จนเป็นที่นิยมโดยทั่วกัน เพราะผลที่มีสีแดงของลิ้นจี่นี่เองจึงทำให้เป็นที่นิยมนำไปใช้ในงานมงคลต่าง ๆ ตามความเชื่อที่ว่า "สีแดงเป็นสีแห่งความเป็นสิริมงคล"
          3. สับปะรด (Pineapple) เป็นผลไม้มงคลที่คนนิยมนำไปไหว้ในพิธีการต่าง ๆ เชื่อกันว่าจะทำให้เกิดความรอบคอบ รอบรู้ในสิ่งต่าง ๆ ดูแลกิจการงานได้ทั่วถึง สายตากว้างไกลประดุจดั่งสับปะรดที่มีดวงตารอบตัว
          4. กล้วย (Banana) ผลไม้มงคลที่เกิดขึ้นจากลักษณะของกล้วยที่มีจำนวนมากใน 1 หวี มีความเชื่อว่าการกินกล้วยจะทำให้มีเด็กที่เกิดมาเป็นคู่ หรือเป็นแฝด อีกทั้งยังเชื่อว่ากล้วยเป็นตัวแทนของการขยายธุรกิจของครอบครัวอีกด้วย สำหรับคนไทยจะเห็นได้ว่าต้นกล้วยจะถูกใช้ในขบวนขันหมาก โดยต้องขุดให้ติด รากหรือมีตา เลือกหน่อที่สมบูรณ์ และขุดมาเป็นคู่ นำมาประดับตกแต่งด้วยกระดาษสีให้ดูสวยงาม และคู่บ่าวสาวจะต้องทำการปลูกร่วมกัน คล้ายเป็นการเสี่ยงทายอย่างหนึ่ง หากต้นกล้วยเจริญเติบโตออกดอกผลสมบูรณ์ จะทำให้ความรักของหนุ่มสาวคู่นี้เป็นไปอย่างราบรื่น มีลูกหลานเต็มบ้าน ฐานะความเป็นอยู่ก็จะสมบูรณ์พูนสุข
          5. ทุเรียน (Durian) เป็นผลไม้ที่มีความอุดมสมบูรณ์ในตัวเองมาก มีเนื้อในที่สวยงามสีเหลืองดั่งทองคำ ด้วยความฉลาดหลักแหลมของธรรมชาติ จึงได้สร้างเกราะคุ้มกันเนื้อในสีทอง โดยการสร้างหนามแหลมคม รอบตัวเพื่อป้องกันสัตว์ร้ายต่างๆ มารบกวน ดังนั้นทุเรียน จึงเป็นผลไม้มงคลที่เชื่อว่าเป็นตัวแทนของความฉลาดหลักแหลม เข้มแข็ง สามารถป้องกันตนเองได้
          นอกจากผลไม้ 5 ชนิด ที่กล่าวมายังมีผลไม้ความหมายดี ๆ อีกมากที่นิยมนำมาใช้ในงานมงคลสมรส เช่น ส้ม สื่อความหมายถึงความสุขสวัสดี มหามงคล ส้มโอ สื่อความหมายถึงความเพิ่มพูน มีเพิ่มมากขึ้น หรืออ้อย ที่ความหวานของมัน สื่อถึงความรักของคู่บ่าวสาว เป็นต้น
          อย่างไรก็ดี แม้งานมงคลสมรสจะประกอบไปด้วยของมงคลมากมายเพียงใด หากคู่บ่าว-สาวไม่ดำรงชีวิตตั้งมั่นอยู่ในความรัก ความซื่อสัตย์แล้ว ของมงคลเหล่านั้นก็มีอาจช่วยให้ชีวิตคู่ของบ่าว-สาวมงคลได้

Cr.Kapook

20 มุมมองของชีวิต :)

เพราะความสุขของคนเราขึ้นอยู่กับมุมมองของการใช้ชีวิต หากมัวแต่มองชีวิตเฉพาะในส่วนที่ผิดพลาดล้มเหลว ชีวิตก็คงไร้ซึ่งความสุขอยู่ไม่จบไม่สิ้น แต่กลับกัน ถ้าหากคนเรามองชีวิตในด้านบวก และมองเห็นความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตแต่ละวัน แล้วเลือกที่จะมองข้ามส่วนที่ผิดพลาดล้มเหลวไปล่ะก็ ชีวิตของคนเราก็คงจะมีคุณค่ามีความสุขมากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
          วันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยขอรวบรวมคำคมเกี่ยวกับการใช้ชีวิตมาฝากอีกครั้ง และครั้งนี้ขอเน้นไปที่การใช้ชีวิตบนเส้นทางของความฝัน เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับหลาย ๆ คนที่ชีวิตไม่ราบเรียบ ล้มลุกคลุกคลาน และกำลังท้อแท้บนเส้นทางความฝันของตัวเอง ให้ได้มองชีวิตในแง่บวกมากขึ้นกว่าเดิมค่ะ
20 คำคมเปลี่ยนมุมมองชีวิตให้คิดบวก
Every day may not be good,
but there is something good in every day.
ทุก ๆ วันอาจจะไม่ใช่วันที่ดี แต่มันก็มีสิ่งดี ๆ บางสิ่งเกิดขึ้นในทุก ๆ วัน

20 คำคมเปลี่ยนมุมมองชีวิตให้คิดบวก
Life isn't about finding yourself.
Life is about creating yourself.
ชีวิตไม่ใช่การค้นหาตัวตนของเราเอง
แต่มันคือการสร้างตัวตนของเราเองขึ้นมาต่างหาก

20 คำคมเปลี่ยนมุมมองชีวิตให้คิดบวก
Laugh as much as you breath and
love as much as you live.
จงหัวเราะเท่าที่ยังมีลมหายใจ และรักให้ได้เท่าที่ยังมีชีวิต

20 คำคมเปลี่ยนมุมมองชีวิตให้คิดบวก
If you want to make your dreams come true,
the first thing you have to do is WAKE UP.
หากคุณอยากให้ความฝันของคุณเป็นจริง
สิ่งที่คุณต้องทำอันดับแรก คือ ตื่นเสียก่อน

20 คำคมเปลี่ยนมุมมองชีวิตให้คิดบวก
The time you enjoy wasting
is not wasted time.
หากคุณปล่อยเวลาให้ผ่านไปอย่างมีความสุข
นั่นแปลว่าคุณไม่ได้ปล่อยเวลาให้ว่างเปล่าแล้ว

20 คำคมเปลี่ยนมุมมองชีวิตให้คิดบวก
If life was easy,
where would all the adventures be?
ถ้าหากชีวิตเป็นเรื่องง่าย แล้วการผจญภัยจะอยู่ตรงไหนล่ะ?

20 คำคมเปลี่ยนมุมมองชีวิตให้คิดบวก
Nothing great was ever achieved
without enthusiasm.
ไม่มีสิ่งยิ่งใหญ่สิ่งไหนที่จะสำเร็จได้ โดยปราศจากความกระตือรือร้น

20 คำคมเปลี่ยนมุมมองชีวิตให้คิดบวก
Sometimes the dreams that come true are
the dreams you never even knew you had.
บางครั้งความฝันที่เป็นจริง ก็เป็นความฝันที่คุณไม่เคยรู้ตัวเลยว่าคุณมีอยู่

20 คำคมเปลี่ยนมุมมองชีวิตให้คิดบวก
Remember the complements you receive.
Forget the insults.
จงจดจำคำชมที่ได้รับ และลบลืมคำดูถูกที่ได้ยิน

20 คำคมเปลี่ยนมุมมองชีวิตให้คิดบวก
The longer you wait for the future,
the shorter it will be.
ยิ่งคุณรอคอยอนาคตนานเท่าไหร่ อนาคตก็จะยิ่งสั้นลงเท่านั้น

20 คำคมเปลี่ยนมุมมองชีวิตให้คิดบวก
The secret of creativity
is knowing how to hide your sources.
เคล็ดลับของความคิดสร้างสรรค์ คือการรู้วิธีการซ่อนที่มาของความคิดนั้นอย่างแนบเนียน

20 คำคมเปลี่ยนมุมมองชีวิตให้คิดบวก
Always remember: too much
EGO will kill your talent.
โปรดจงจำไว้เสมอว่า การมีอีโก้สูงเกินไปจะทำลายพรสวรรค์ของคุณ

20 คำคมเปลี่ยนมุมมองชีวิตให้คิดบวก
Stop thinking of what could go wrong
and start thinking of what could go right.
หยุดคิดถึงสิ่งที่ผิดพลาด แล้วหันมาคิดถึงสิ่งที่ถูกต้องดีกว่า

20 คำคมเปลี่ยนมุมมองชีวิตให้คิดบวก
The older we get the
better we used to be.
คนเรายิ่งมีอายุมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งดีกว่าที่เคยเป็นเท่านั้น

20 คำคมเปลี่ยนมุมมองชีวิตให้คิดบวก
Those who do not
remember the past
are condemned
to repeat it.
คนที่ไม่จดจำอดีต มักจะถูกลงโทษด้วยการพบเจอกับเหตุการณ์รูปแบบเดิมอยู่ซ้ำ ๆ

20 คำคมเปลี่ยนมุมมองชีวิตให้คิดบวก
Bad decisions
make great stories.
การตัดสินใจที่ผิดพลาด มักทำให้เกิดเรื่องเล่าที่ยิ่งใหญ่เสมอ

20 คำคมเปลี่ยนมุมมองชีวิตให้คิดบวก
An essential aspect of creativity is
not being afraid to fail.
มุมมองที่สำคัญของความคิดสร้างสรรค์ คือ อย่ากลัวความล้มเหลว

20 คำคมเปลี่ยนมุมมองชีวิตให้คิดบวก
Lose your dreams
and you will lose your mind.
หากคุณทำความฝันหล่นหาย ความคิดของคุณก็จะหายไปด้วย

20 คำคมเปลี่ยนมุมมองชีวิตให้คิดบวก

Keep your friends close,
but your enemies closer.
จงใกล้ชิดกับเพื่อน ๆ แต่ใกล้ชิดกับศัตรูให้มากกว่า

20 คำคมเปลี่ยนมุมมองชีวิตให้คิดบวก
Our greatest glory is not in never falling,
but in rising every time we fall.
เกียรติยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่ได้มาจากการที่เราไม่เคยล้ม
แต่มาจากการลุกขึ้นยืนได้ทุกครั้งที่ล้มต่างหาก
          และนี่ล่ะค่ะ คือทั้ง 20 คำคมที่เลือกมาให้อ่านกันในวันนี้ หวังว่าคงจะทำให้หลาย ๆ คนได้มีกำลังใจ มองชีวิตในมุมที่ดีขึ้น และฮึดสู้กับการเดินทางของชีวิตที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบกันมากขึ้นนะคะ เห็นหรือยังว่า แค่มุมมองชีวิตเปลี่ยน เราก็จะเริ่มเห็นเค้าความสุขขึ้นมาลาง ๆ แล้วล่ะ ^^

ระวัง รถย้อมแมว !!!!



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


           ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องยนต์ ม.รังสิต เผยวิธีดูแลรถยนต์หลังจมน้ำ ระบุควรปลดแบตตัดการจ่ายไฟ-ถ่ายน้ำมันออกให้หมดเพราะอาจเกิดสนิม พร้อมแนะวิธีดูว่ารถมือสองว่าถูกย้อมแมวขายหลังจมน้ำหรือไม่

           ปัญหาอุทกภัยในขณะนี้ได้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อทรัพย์สิน สิ่งใดสามารถเคลื่อนย้ายได้ก็ย้าย แต่ถ้าหากเคลื่อนย้ายไม่ได้ ก็ต้องปล่อยให้จมน้ำตามสภาพการณ์ ซึ่งถ้ามองดูแล้วทรัพย์สินจำพวกรถยนต์ เป็นทรัพย์สินที่ผู้คนหวงมากเป็นลำดับต้น ๆ เพราะมีมูลค่าสูง ไม่สามารถยกขึ้นที่สูงหนีน้ำได้และถ้าจมน้ำ ย่อมหมายถึงการเสียหายในทันที ดังนั้นจะเห็นได้ว่า หลายคนจึงนำรถไปจอดบนอาคารสูงหนีน้ำท่วมก่อน ใครสามารถจอดทันก็โชคดี แต่ถ้าจอดไม่ทันขึ้นมาล่ะ? ก็คงหนีไม่พ้นการจมน้ำ

           ด้วยเหตุนี้ อ.รักชาติ แสงวงศ์ หัวหน้าสาขาวิชาวิศวกรรมยานยนต์และหัวหน้าศูนย์บริการยานยนต์ มหาวิทยาลัยรังสิต จึงได้แนะนำถึงวิธีดูแลรถยนต์หลังจากผ่านการจมน้ำเบื้องต้น ผ่านศูนย์ข่าวอาร์เอสยูนิวส์ มหาวิทยาลัยรังสิต  ดังนี้

            ควรปลดขั้วแบตเตอรี่ออกก่อนเพื่อตัดระบบการจ่ายไฟ และไม่ควรสตาร์ทรถ เนื่องจากปัจจุบันมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นสมองกล ซึ่งระบบเหล่านี้จมน้ำเพียง 5 นาที ก็เกิดความเสียหาย ถ้าหากจมน้ำ 1-2 วัน ระบบอาจจะเป็นสนิมได้

            จากนั้นเช็คเครื่องยนต์และทำการเป่าหรือใช้สเปรย์ไล่ความชื้น เพราะในช่วงที่ดับเครื่อง กระบอกสูบบางกระบอกยังทำงาน อาจทำให้น้ำเข้าได้ และค่อยถ่ายน้ำมันทุกชนิดออกทันที เนื่องจากถ้าน้ำผสมกับน้ำมัน จะทำให้เกิดสนิม
            ในปกติค่าซ่อมแซมรถยนต์ที่ถูกจมน้ำ จะมีราคาประมาณ 3 แสนบาท เนื่องจากทุกอย่างจะเสียหมด และยังต้องผ่าเครื่องยนต์ดูอีกว่ามีน้ำขังหรือไม่ และแม้ว่าเสียเงินซ่อม สภาพก็ไม่ 100 เปอร์เซ็นต์เหมือนเดิม เพราะมีอุปกรณ์บางตัวไม่สามารถนำออกมาได้ ทั้งนี้ แนะนำว่า ควรส่งซ่อมที่ศูนย์ของรถยนต์ยี่ห้อนั้นๆ แต่ถ้าจะซ่อมอู่ ก็ควรเลือกอู่ที่มีมาตรฐาน มีผู้เชี่ยวชาญควบคุม ถ้าหากเป็นรถยนต์ประกันชั้น 1 บริษัทประกันจะรับผิดชอบทั้งหมด


           นอกจากนี้ อ.รักชาติ ยังได้แนะนำข้อควรระวังการซื้อรถยนต์มือสองว่าเป็นรถที่ถูกน้ำท่วมหรือไม่ โดยให้สังเกตจากสิ่งต่อไปนี้...

            สิ่งแรกที่ตรวจได้คือ เปิดประตูรถเข้าไปจะได้กลิ่นอับในทันที เพราะน้ำท่วมไม่ใช่น้ำสะอาด ซ่อมดีอย่างไรก็ไม่สามารถลบกลิ่นอับออกไปได้ในระยะเวลาอันสั้น

            จากนั้นตรวจที่ระบบจ่ายไฟว่ามีความขัดข้องหรือไม่ เพราะรถยนต์ที่จมน้ำ ระบบจ่ายไฟจะมีสภาพไม่เหมือนก่อนจม

            สิ่งสุดท้ายที่ตรวจสอบได้คือ ดูน็อตขันเครื่องยนต์ว่าเป็นสนิมหรือไม่

           สำหรับใครที่มีแผนจะซื้อรถยนต์มือสองในระยะเวลาอันใกล้นี้ ก็คงต้องตรวจสอบกันให้ดี ๆ นะจ๊ะ จะได้ไม่ถูกหลอกซื้อรถที่จมน้ำ ไม่เช่นนั้น อาจจะต้องขับไปซ่อมไปนะเออ

Cr. Kapook

วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2555

แฟชั่น ล้ำหน้าปี 2012 !

แฟชั่นกำลังจะมาในปี 2012 ที่ทำให้สาวๆ ที่มั่นใจเกินร้อยได้สวมใส่ ออกแนวล้ำสมัย ใครมั่นใจ จัดเต็มไม่ต้องยั้ง สำหรับเสื้อผ้าเหล่านี้


โทนสี ดำหรือสีเทา ในปี 2012 นี่มาแรงอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังไม่ทิ้งวินเทจ ,, อย่าลืมเลือกแต่งกันให้เข้ากับปี 2012 นี้นะค๊ะ เพราะผู้หญิง "ไม่หยุดสวยและไม่ตกเทรนด์ค่ะ"